เครื่องพิมพ์แบบใดที่เกิดให้ประสิทธิภาพและความยั่งยืนที่ดีกว่า ระหว่างเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหรือเครื่องพิมพ์เลเซอร์

27 ก.ย., 2021เครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ & ใช้ในบ้าน, เครื่องพิมพ์และสแกนเนอร์

คุณอาจเคยได้ยินการถกเถียงกันมานาน ว่าควรเลือกใช้เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทหรือเลเซอร์มากกว่ากัน โดยมีการนำเอาคุณสมบัติแต่ละด้านมาเปรียบเทียบกัน โดยคนส่วนมากมักเปรียบเทียบจากปัจจัยด้านการใช้งานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นปริมาณงานพิมพ์ งบประมาณรวมถึงปัจจัยอื่นๆ เพื่อดูว่าเครื่องพิมพ์รุ่นใดมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาทางเทคโลยีแบบก้าวกระโดด เครืองพิมพ์ต่างก็มีการพัฒนาให้คใมสามารถให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานได้มากที่สุด

 

ที่ผ่านมาเครื่องพิมพ์เลเซอร์มักเป็นตัวเลือกที่ใช้กันในออฟฟิศหรือสำนักงานเป็นหลัก แต่ในปัจจุบัน เริ่มมีหลายออฟฟิสที่หันมาใช้งานเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแทนเครื่องพิมพ์เลเซอร์ เพราะสามารถประหยัดพลังงานได้ดีกว่า อีกทั้งมีราคาที่ถูกกว่าทั้งตัวเครื่องและหมึกพิมพ์ รวมถึงยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศได้ดีกว่าผ่านการลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการใช้งานตัวเครื่อง นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งานได้มากกว่าเพราะสามารถรองรับกระดาษได้หลากหลายชนิดมากกว่า ในขณะที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์มีข้อจำกัดในเรื่องของกระดาษที่ใช้พิมพ์

 

และด้วยรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทำให้เกิดการทำงานจากที่บ้านมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการเครื่องพิมพ์เพื่อใช้งานภายในบ้านจึงสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้การพิมพ์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการทำงานต่างๆ ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องพิมพ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจสิ่งแวดล้อม

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องการเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานเพื่อธุรกิจ ควรคำนึงถึงปัจจัยทั้ง 4 ข้อ ได้แก่

 

ความคุ้มค่าด้านราคา

ราคามักเป็นปัจจัยแรกที่ผู้ใช้งานคำนึงถึงในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ ที่ผ่านมามักมีคนมองว่าโทนเนอร์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์สามารถใช้ได้นาน อย่างไรก็ตาม โทนเนอร์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์มีราคาที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบระบบแท็งค์หมึกในปัจจุบันก็สามารถใช้งานได้นานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์ระบบแท็งค์หมึกมีราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า รวมถึงทำให้มีต้นทุนการพิมพ์ที่ถูกกว่า ในขณะที่งานพิมพ์ที่ได้ก็มีคุณภาพดีไม่แตกต่างกัน ดังนั้น การมองถึงความคุ้มค่าของเครื่องพิมพ์ทั้งสองแบบนั้น ไม่ควรมองแต่เพียงราคาในการซื้อเครื่องพิมพ์และหมึกพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาถึงต้นทุนการใช้งานระยะยาว ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น รวมถึงปริมาณการพิมพ์ที่เครื่องสามารถพิมพ์ได้อีกด้วย

 

คุณภาพงานพิมพ์และกระบวนการทำงานเพื่อความยั่งยืน

ทั้งเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทและเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ให้คุณภาพงานพิมพ์ได้อย่างดีเยี่ยม แต่จากความเชื่อที่ผ่านๆ มา เครื่องพิมพ์เลเซอร์มีจุดเด่นในการพิมพ์งานที่มีเนื้อหาเป็นตัวอักษรจำนวนมากได้ดีกว่าเล็กน้อย โดยสามารถพิมพ์งานได้ที่ความละเอียดสูงถึง 600 DPI หรือสูงกว่า แต่ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทก็สามารถพิมพ์งานที่มีคุณภาพสูงและมีความสามารถเทียบได้กับเครื่องพิมพ์เลเซอร์เช่นกัน โดยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นใหม่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น เครื่องพิมพ์รุ่น WorkForce Enterprise ของเอปสัน สามารถพิมพ์งานได้ที่ละเอียดสูงสุดถึง 600 x 2,400 DPI ด้วยหมึกพิมพ์ที่กันน้ำ กันหมึกจางและกันเปื้อนได้ไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และยังช่วยประหยัดการใช้พลังงาน[1] ได้สูงถึง 85% และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ [2]น้อยถึง 85% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทั้งนี้ยังช่วยการใช้ทรัพยากร และช่วยลดจำนวนขยะอย่างตลับหมึกพิมพ์ที่ใช้งานได้มากกว่าอีกด้วย สร้างความยั่งยืนควบคู่ไปกับให้คุณภาพการทำงานที่ดีเยี่ยม

 

ความเร็วและความสามารถในการพิมพ์

การเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ต้องมองที่ปริมาณงานพิมพ์ที่บริษัทต้องการใช้งาน แม้ว่าหลายคนอาจเคยคิดว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์สามารถพิมพ์งานได้อย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรธุรกิจมักเลือกใช้งาน แต่ในปัจจุบัน เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นใหม่ก็สามารถพิมพ์งานได้รวดเร็วเช่นกัน หรือในบางรุ่นยังสามารถพิมพ์ได้เร็วกว่าด้วยซ้ำ และสำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสัน ที่ได้รวมเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน (Heat-Free Technology) สามารถพิมพ์งานได้สูงสุดได้ถึง 100 หน้าต่อนาที ทั้งแบบหน้าเดียวหรือแบบสองหน้า นอกจากนี้คุณยังได้งานพิมพ์ที่มีคุณภาพดีเยี่ยมทั้งตัวอักษรและรูปภาพ เพราะในการใช้งานจริงเนื้อหางานพิมพ์จะมีผสมกันไป ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ รวมถึงสามารถพิมพ์บนกระดาษได้หลากหลายประเภทมากกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์

 

ขนาดตัวเครื่อง

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทส่วนมาก มักมีขนาดกะทัดรัดและสามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดต่างๆ ในออฟฟิศได้ง่ายดาย โดยเฉพาะบางรุ่นสามารถตั้งไว้บนโต๊ะทำงานได้อย่างลงตัว ในขณะที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์มักมีขนาดที่ใหญ่และหนักกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท

 

ผลลัพธ์ทางธุรกิจ

เครื่องพิมพ์ที่ดีที่สุดก็คือเครื่องพิมพ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างไปตามความต้องการของผู้ใช้งาน ผู้ใช้งานอาจต้องลองพิจารณาดูว่ารูปแบบการใช้งานของตน เน้นพิมพ์งานเอกสารหรือรูปภาพมากกว่ากัน อีกทั้งต้องการพิมพ์ปริมาณเท่าใหร่ในการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาให้สามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้นที่แทบไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ให้คุณภาพงานที่คมชัด ยืดหยุ่น รองรับการพิมพ์ได้หลากหลายกว่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้อย่างตัว

[1] สถิติดังกล่าวอ้างอิงจากการทดสอบที่ทำขึ้นโดยบริษัท EPSON โดยใช้การเปรียบเทียบ Epson L6550 ISO Color 12ipm กับ Laser model ISO Color 22ppm มาทดสอบด้านการใช้พลังงานในการพิมพ์เอกสาร 20 แผ่น ซึ่งใช้กระดาษขนาด A4 ตามขนาด ISO Office Final PDF (ISO/IEC 24734)  EPSON ได้ทำการทดสอบแต่ละเครื่องได้ทำขึ้นถึงสองครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้คงที่ และทั้งสองเครื่องได้ทดสอบภายใต้เงื่อนไขที่เหมือนกันทั้งหมดอีกด้วย

[2] การคำนวณการปล่อยสาร CO2 ประจำปีจาก JEMAI-LCA Pro การคำนวณการดูดซับสาร CO2 ของต้นสนซีดาร์อ้างอิงจากกรมป่าไม้แห่งประเทศญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานการปล่อยสารดังกล่าว 8.8 กก. ต่อปีต่อต้น

 

ติดตามเรา

 

Share This