การสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนในประเทศไทย
ในปัจจุบัน การจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงนั้น สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งคือ ผู้ประกอบธุรกิจควรมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งนี้อาจเป็นความท้าทายอย่างนึงสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย จากผลการสำรวจ 864
ธุจกิจ SMEs ของ 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีค่า GDP สูงสุด พบว่า 62% ของธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย มองว่าค่าใช้จ่ายคือปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ
จากการสำรวจพบว่า 37% ของ GDP[1] ในประเทศไทยนั้น มาจากธุรกิจ SMEs จึงกล่าวได้ว่า SMEs เป็นฟันเฟืองสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและในตลาดโลก ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงควรดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน เพื่อให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องขั้นตอนการดำเนินงานตลอดจนถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
SMEs จะสร้างธุรกิจแบบยั่งยืนได้อย่างไร
ธุรกิจ SMEs ถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจระดับประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการถึง 99.7%[2] ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 10 ล้านคน การเพิ่มขีดความสามารถด้วยการเลือกเครื่องมือช่วยที่เหมาะสม จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างธุรกิจในยุคดิจิทัล
บริษัทมากมายต่างให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานอย่างยั่งยืน เพื่อผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานของบริษัท เพิ่มคุณค่าของแบรนด์และชื่อเสียง การเติบโตและความสัมพันธ์ที่ดีของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจนั้นๆ
ผู้ประกอบการ SMEs ยังสามารถได้รับประโยชน์จากการสร้างธุรกิจแบบยั่งยืนได้จากการลดต้นทุนในการดำเนินการ เช่น การลดใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์ธุรกิจและบริหารการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คือหนทางในการลดต้นทุนการดำเนินการต่างๆ ในระยะยาว และยังเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น ร้านค้าปลีกที่ใช้เครื่องพิมพ์ POS สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและการพิมพ์ที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ 80% ของผู้ประกอบการในประเทศไทยเล็งเห็นว่า การเชื่อมต่อที่สะดวก ง่ายดายคือปัจจัยสำคัญในการประกอบธุรกิจ
พนักงานทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการลดต้นทุนและสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้ จากการใช้เครื่องพิมพ์ที่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ Heat Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน หรือผู้ประกอบธุรกิจอาหาร ก็สามารถใช้เครื่องพิมพ์ฉลากสำหรับบรรจุภัณฑ์ ที่มีต้นทุนการพิมพ์ต่ำ มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังพิมพ์แบบ on-demand ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในราคาประหยัดและช่วยลดปริมาณของเสียอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลนั้น ไม่ได้เป็นแค่การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ธุรกิจต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อก่อให้เกิดผลดีต่อธุรกิจอีกด้วย
ธุรกิจที่ยั่งยืนในมุมมองของเอปสัน
เอปสัน เชื่อว่าการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน คือการลงทุนในเทคโนโลยีที่สามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
วิสัยทัศน์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของบริษัทเอปสันในปี 2050 คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับธุรกิจ SMEs เอปสันจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน ด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปรับปรุงระบบการดำเนินการทั้งการผลิตและการให้บริการ นอกจากนี้ เอปสัน ยังสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เรียกว่า PaperLab ซึ่งเป็นนวัตกรรมการผลิตกระดาษใหม่จากกระดาษที่ใช้แล้วได้เป็นรายแรกของโลก
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเอปสัน ถูกผลิตและออกแบบขึ้นมาเพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และช่วยให้ผู้ใช้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีการพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ทแบบ Heat Free ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั่วไป
[1] https://www.rfigroup.com/rfi-group/news/asia-thailand-increase-smes-over-3-million-2018
[2] https://www.bangkokpost.com/business/1468342/goal-for-smes-to-kick-in-half-of-gdp
บทความที่น่าสนใจ
ติดตามเรา
0 Comments