นิยามใหม่ ของออฟฟิศในแบบนิวนอร์มัล

31 ส.ค., 2020เครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ & ใช้ในบ้าน, เครื่องพิมพ์และสแกนเนอร์

เปลี่ยนรูปแบบ สร้างกระบวนการทำงานรูปแบบใหม่หลังโควิด-19

จากวิกฤตด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กระตุ้นให้รัฐบาล สถาบันการเงิน รวมถึงองค์กรธุรกิจต่างๆ มีการดำเนินการช่วยเหลือผู้คนเพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตในแทบจะทุกแง่มุมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ด้านเศรษฐกิจ การเงินและรูปแบบธุรกิจถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สามารถเดินต่อไปได้ในช่วงวิกฤตในแบบที่โลกไม่เคยเจอมาก่อน และแม้ว่าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันต่างๆ และกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ทว่าธุรกิจ 74% ได้ปรับตัวสู่การทำงานแบบนิวนอร์มัลอย่างถาวรไปแล้ว[1] โดยมีการให้พนักงานทำงานจากที่บ้านของพนักงาน ความจำเป็นในการใช้พื้นที่สำนักงานจึงลดลงและมีความต้องการในการใช้เทคโนโลยีในขั้นตอนการทำงานต่างๆ ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น โดยมีวิกฤตโควิด-19 ทำหน้าที่เป็นชนวนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปยังการดำเนินธุรกิจทั่วโลก

เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับกระแสนิวนอร์มัลและยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ได้ เอปสันในฐานะ 1 ในผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ได้มีการนำเทคโนโลยีที่และนวัตกรรมเข้ามานำเสนอให้แก่ลูกค้า เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับสภาพแวดล้อมการทำงานรูปแบบนิวนอร์มัลที่เกิดขึ้น

พฤติกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนอนาคต

วิกฤตโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างสิ้นเชิง มาตรการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ระยะสั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงภาพรวมของสิ่งที่จะเกิดขึ้น เช่นสถานการณ์ต่อไปอาจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะรุนแรงขนาดไหน และจะฟื้นตัวได้เมื่อใด จะเกิดพฤติกรรมและทัศนคติที่ส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร อะไรคือนิวนอร์มัล ดังนั้น วันนี้เรามีสิ่งที่ประเมินว่าแม้วิกฤตโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สิ่งที่เราได้มีการเปลี่ยนแปลง จะยังคงอยู่และดำเนินต่อไป ซึ่งได้แก่

  1. ออฟฟิสจำลองในโลกออนไลน์

ก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด-19 มีการใช้เทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงานบนแพลทฟอร์มต่างๆ อย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Slack, Skype หรือ Microsoft Teams แต่วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเป็นการบังคับให้องค์กรส่วนใหญ่ต้องปรับการทำงานผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ทำให้แพลทฟอร์มต่างๆ เหล่านั้น กลายเป็นออฟฟิสจำลองบนโลกออนไลน์ ที่พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่เสมือนอยู่ที่ทำงานจริง ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับยุคของดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งทุกบริษัทเตรียมตัวสำหรับการทำงานในแบบฉบับนิวนอร์มัลพร้อมมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นเท่านั้น ทุกคนในบริษัทต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติงาน ประสานงาน รวมถึงการสื่อสารกันแบบเสมือนจริง และแม้สภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ แต่มีหลายคนก็เชื่อว่าการทำงานผ่านออฟฟิสจำลองบนโลกออนไลน์ จะกลายเป็นวิถีปฏิบัติใหม่ขององค์กรธุรกิจอย่างถาวร เพราะมีข้อดีที่สำคัญคือช่วยลดต้นทุนได้อย่างมาก ทั้งในด้านค่าเช่าสำนักงาน ค่าจัดซื้อ ติดตั้ง และดูแลเทคโนโลยีต่างๆ ในที่สำนักงาน รวมถึงสวัสดิการบางอย่างของพนักงาน เช่น ค่าเดินทาง เพราะไม่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางมาทำงานที่สำนักงานอีกต่อไป จึงไม่แปลกนัก หากจะพูดว่าหลายบริษัทอาจยึดถือแนวทางนี้มากกว่ากลับไปสู่รูปแบบการทำงานแบบเดิมๆ

 

  1. การเรียนการสอนจากที่บ้าน

ความจำเป็นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วโลก ส่งผลกระทบกับเด็กและเยาวชนมากกว่า 363 ล้านคนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน[2]

ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมการศึกษาจึงถูกบังคับให้หันมาใช้แผนการเรียนออนไลน์ที่ดำเนินการเรียนการสอนผ่านแพลทฟอร์มดิจิทัล โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือให้คงคุณภาพการเรียนการสอนไว้ให้เท่าเดิม ดังนั้นผู้สอนจะต้องหาแนวทางรวมถึงเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวีดิโอ การไลฟ์สด การสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้สอนและผู้เรียน เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาสนุกไปกับการเรียนรู้และให้ความสนใจกับเนื้อหาการเรียนอยู่ตลอดเวลา

 

  1. กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของอีคอมเมิร์ซ

การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลในหลายๆ ประเทศได้ออกนโยบายล๊อกดาวเมือง โดยให้ประชาชนออกมานอกบ้านเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนยังคงต้องซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวันเช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ พฤติกรรมการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก3 ตัวอย่างเช่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร้านสะดวกซื้อออนไลน์มียอดสั่งซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ฯลฯ และแม้ว่ามาตรการล๊อกดาว จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ผู้บริโภคต่างคุ้นเคยกับพฤติกรรมการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ไปแล้ว และมีแนวโน้มในการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ได้เร่งให้พฤติกรรมการใช้อีคอมเมิร์ซกลายเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าวิกฤตโควิด-19 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมากแล้วก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคชี้ให้เห็นว่า เทคโนโลยีจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปแม้สภาวการณ์จะกลับมาเป็นปกติแล้ว พฤติกรรมการทำงาน การเรียนรู้ และการจับจ่ายเปลี่ยนจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ ทำให้โซลูชั่นเทคโนโลยีใหม่ๆ กลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภคทุกคน

 

ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในสภาพแวดล้อมของ Hybrid Workplace

หนึ่งในการปรับตัวของบริษัทธุรกิจเพื่อรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คือการสร้าง Hybrid Workplace หรือ สภาพแวดล้อมการทำงานรูปแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่น พนักงานสามารถเลือกทำงานตามสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ให้ โดยพิจารณาแล้วว่ามีความปลอดภัย แต่ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และรักษามาตรฐานในการทำงานได้ แต่การทำงานในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้แน่ใจว่าพนักงานมีเครื่องมือที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงเครื่องมือเหล่านั้นได้ บริษัทจึงจะช่วยให้พนักงานรับมือกับความเครียดเพิ่มเติม ที่อาจต้องเผชิญกับการทำงานและจัดการกับงานปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พนักงานบริษัทต่างคุ้นเคยกับการใช้งานเทคโนโลยีประเภทต่างๆ แต่เมื่อต้องทำงานในสภาพ Hybrid Workplace บางคนอาจไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบบางอย่างเหมือนที่เคยได้รับ เช่น สแกนเนอร์หรือพรินเตอร์ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการทำงานที่บ้านของพนักงานแต่ละคน

เมื่อพูดถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในสำนักงาน พรินเตอร์อาจมีผลกระทบมากกว่าที่คิด เพราไม่ใช่พนักงานทุกคนที่มีพรินเตอร์ที่บ้าน เอปสัน ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก มีพรินเตอร์ที่ตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับองค์กรไปจนถึงผู้ใช้งานตามบ้าน สำหรับผู้ใช้งานตามบ้านนั้น พรินเตอร์ EcoTank จากเอปสัน มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้งาน รองรับการพิมพ์งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ทั้งยังมีต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ต่ำ ซึ่งโดยรวมแล้วจะทำให้ธุรกิจสามารถประหยัดได้มากกว่าและสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการใช้พรินเตอร์ที่ใช้ตลับหมึกและโทนเนอร์บ่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีแท็งค์หมึกขนาดใหญ่จึงรองรับการพิมพ์งานสีและขาวดำได้ในปริมาณมาก ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด

พรินเตอร์ EcoTank จากเอปสัน ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ที่เปิดมิติของวงการพิมพ์ ด้วยกระบวนการพิมพ์ที่ไม่ต้องใช้ความร้อน และลดการใช้พลังงานได้มากถึง [5] ช่วยประหยัดไฟ และยังช่วยลดประมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลดปล่อยออกมาเนื่องจากไม่ใช้ความร้อนในขั้นตอนการพิมพ์[6] รวมถึงใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่น้อยกว่าพรินเตอร์เทคโนโลยีเลเซอร์ ตอบโจทย์การพิมพ์งานในปริมาณมากและต่อเนื่อง ทั้งที่บ้านหรือที่ออฟฟิส

ในยุคของการดิสรับชั่นที่ข้อมูลเสี่ยงต่อถูกขโมยหรือสูญหาย สแกนเนอร์ของเอปสัน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดเก็บเอกสารและข้อมูลสำคัญแบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย เปลี่ยนงานพิมพ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารใบแจ้งหนี้ รายงานค่าใช้จ่าย ใบเสร็จ นามบัตร หรือบัตรประจำตัวประชาชนให้เป็นไฟล์ PDF ที่สะดวกต่อการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่การทำงานจากที่บ้านนั้นเพิ่มความเครียดให้กับพนักงานขององค์กร โฮมโปรเจคเตอร์จากเอปสัน ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้เป็นโลกแห่งความบันเทิงได้ทันทีแม้อยู่ที่บ้าน โดยผู้ใช้งานสามารถชมภาพยนตร์ที่ชื่นชอบหลังหมดเวลาทำงานในแต่ละวัน นอกจากนี้ ผู้ใช้งานอาจประยุกต์ใช้โปรเจคเตอร์ในการดูพรีเซนเตชั่นเกี่ยวกับงานได้ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการทำงานจากที่บ้านให้ไม่ต่างกับทำงานจากที่ออฟฟิส

 

การกลับไปสู่ที่ทำงานรูปแบบใหม่กับนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

ถึงแม้บริษัทต่างๆ จะเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง แต่สิ่งต่างๆ อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกบริษัทต้องเข้มงวดอย่างมากกับมาตรการรักษาระยะห่างภายในองค์กรเพื่อความปลอดภัย การรักษาสุขอนามัยในที่ทำงาน และการรักษาระยะห่างทางสังคม สภาวะการระบาดที่เกิดขึ้นช่วยเร่งให้เกิดพฤติกรรมใหม่ในสังคม ผู้คนหันมาใส่ใจการอุปโภคบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ เช่น การทำงานจากระยะไกลและการซื้อจากแหล่งผลิตในท้องถิ่น ในขณะที่ผู้คนพยายามที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนก่อนสถานการณ์โควิด-19 อีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกบางอย่างเหล่านี้สามารถดำเนินต่อไปได้เพื่อส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน

ทุกองค์กรสามารถฉวยโอกาสจากช่วงเวลาของสถานการณ์โควิด-19 ในการปลูกฝังและตอกย้ำแก่พนักงานทุกคนถึงการมีส่วนร่วมต่อการนำพาองค์กรก้าวไปสู่เส้นทางของการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมีแต่การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของพนักงานและความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินธุรกิจให้ดีขึ้นเท่านั้น องค์กรจึงจะประสบความสำเร็จได้

ท่ามกลางอนาคตที่ไม่แน่นอน องค์กรต่างๆ ได้เดินหน้าเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ สิ่งสำคัญคือต้องรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานและส่งมอบคุณค่าให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ในยุคของดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น การทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญและต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากทีมงานจากทุกส่วนขององค์กร ไม่ว่าทีมจะทำงานในที่เดียวกันหรือกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ ธุรกิจต้องพิจารณาให้ดีถึงอุปกรณ์ที่ต้องใช้ วิธีช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

ในช่วงเวลาที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน อนาคตของการทำงานกำลังถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและทุกธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมพร้อม เอปสันมีผลิตภัณฑ์มากมายที่สามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกเวลานี้ ซึ่งมาพร้อมกับความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของลูกค้า เพื่อช่วยให้ทุกธุรกิจก้าวเดินต่อไปได้ในโลกยุคนิวนอร์มัล อย่างยั่งยืน

 

 

แหล่งที่มา

[1] Gartner, Inc., Gartner CFO Survey Reveals 74% Intend to Shift Some Employees to Remote Work Permanently, 3 เมษายน 2563

[2] With one in five learners kept out of school, UNESCO mobilizes education ministers to face the COVID-19 crisis, UNESCO

[3] Covid-19: Entering A New Norm In Consumer Behaviour, Nielson

[4] The Experts in What Consumers Want and Why’, Mintel

[5] อ้างอิงจากการทดสอบโดยความร่วมมือระหว่างเอปสันและ Keypoint Intelligence-Buyers Lab ด้วยการเปรียบเทียบเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นของเอปสัน กับเครื่องพิมพ์เลเซอร์สี ที่มีความเร็วการพิมพ์ในช่วง 65 – 70 แผ่นต่อนาที ผ่านการตั้งค่ามาตรฐานของเครื่องพิมพ์ เพื่อหาปริมาณการใช้พลังงานของการใช้งานเครื่องพิมพ์ 2 x 4 ชั่วโมง + 16 ชั่วโมงในโหมดพักเครื่อง ในวันทำงาน รวมกับ 48 ชั่วโมง ในโหมดพักเครื่อง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผ่านการพิมพ์งานทั้งหมด 69 หน้า บนรูปแบบไฟล์ .doc, .xls, .ppt, .html และ Outlook จำนวน 6 ครั้ง ในช่วง 4 ชั่วโมง ของการพิมพ์งานแต่ละครั้ง

[6] อ้างอิงการคำนวณปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากหน่วยงาน JEMAI-LCA Pro ที่ถูกดูดซับจากต้นซีดาร์ ตามมาตรฐานของ  Japan Forestry Agency ที่มีการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 8.8 ก.ก. ต่อปีต่อต้น

 

ติดตามเรา

 

Share This