“ดิจิทัล” นิยามแห่งอนาคตของการพิมพ์สิ่งทอ : ความสำเร็จของโรงงานผลิตเสื้อผ้า TMI ในเวียดนาม
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงและเติบโตเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากวงจรของแฟชั่นมีระยะเวลาสั้นลงอย่างมาก รวมถึงเทรนด์ของแฟชั่นที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ “ความเร็ว” ในการผลิตและจัดส่งสินค้าไปถึงยังผู้บริโภคมีความจำเป็นมากกว่าที่ผ่านมา
นายอีย่าย เฉิน เจ้าของและกรรมการผู้จัดการบริษัท Tung Mung International (TMI) ตระหนักดีว่าปัจจัย สำคัญที่สุดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดปัจจุบัน นั่นคือ “ความรวดเร็ว”
“ตลาดมีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคหันมานิยมซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นและให้ความสำคัญกับตัวเลือกมากกว่าราคา ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการความเปลี่ยนแปลงของสไตล์ สี หรือเนื้อผ้าที่นำมาผลิตเสื้อผ้าอยู่เสมอ และสำหรับเราในฐานะผู้ผลิตเสื้อผ้ารายใหญ่ นั่นหมายถึง ความเร็วในการผลิตต้องสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ในทันที”
ความเร็วในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปนั้นจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการจัดซื้อวัตถุดิบ การย้อมสีผ้า กระบวนการพิมพ์และกระบวนการผลิต ซึ่งรวมไปถึงการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วย
นายเฉิน เริ่มทำธุรกิจของครอบครัว “TMI” ตั้งแต่ปี 2544 จากโรงงานผลิตเสื้อผ้าเล็กๆ ที่มีคนงานแค่ 160 คน ในสิงคโปร์ที่พ่อของนายเฉินตั้งขึ้น นายเฉินได้ขยายกิจการออกไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน กัมพูชา และเวียดนาม จนทุกวันนี้ TMI กลายเป็นบริษัทผลิตเสื้อผ้าระดับโลกที่มีโรงงานอยู่ถึง 11 แห่ง ใน 3 ประเทศ สามารถผลิตเสื้อผ้าได้มากกว่า 3.5 ล้านชิ้นต่อเดือน รวมถึงมีลูกค้าที่เป็นแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำในหลายกลุ่มแฟชั่นตั้งแต่ระดับไฮเอนด์ไปจนถึงแบรนด์กีฬา นับได้ว่า TMI ในฐานะเป็นผู้นำอีกรายหนึ่งในอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นและเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่ด้านนวัตกรรม จึงมีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในวงการสิ่งทอ และเพื่อให้ TMI สามารถเผชิญกับความท้าทายในตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นายเฉินได้ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของ TMI ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานดั้งเดิมของธุรกิจสิ่งทอที่ปฏิบัติกันมานาน ซึ่งสิ่งแรกก็คือ การเอาชนะการต่อต้านภายในบริษัท เพื่อเปิดรับนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาดำเนินงาน
เมื่อราว 3-4 ปีก่อน นายเฉินได้นำเอาการพิมพ์ระบบดิจิทัลบนวัสดุสิ่งทอมาใช้ที่โรงงานของเขา
“กระบวนการพิมพ์ระบบดิจิทัลใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้เราสามารถจัดส่งเสื้อผ้าภายในเวลาเพียง 30 วัน หรือ 15 วันก็ยังได้หากลูกค้าต้องการ รวมถึงเรายังสามารถที่จะจัดส่งสินค้าทั้งหมดได้ตามที่ลูกค้าสั่งออเดอร์ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำฟิล์มพิมพ์ลายผ้าขึ้นมาเลย”
หากเปรียบเทียบกัน กระบวนการพิมพ์สิ่งทอแบบดั้งเดิมนั้นอาจจะต้องใช้เวลาถึง 30 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของ กระบวนการการพิมพ์ลายและสีของผ้า ต้องมีขั้นตอนการพิมพ์ลายลงบนผ้าโดยตรง รวมไปถึงการเตรียมพรินท์สกรีน การพิมพ์สีบนเลเยอร์ที่ต่างกัน การเตรียมการและตัดเย็บผ้า ซึ่งใช้เวลานานถึง 3 เดือน กว่าที่จะพร้อมส่งสินค้าให้กับลูกค้า
การนำระบบการพิมพ์ดิจิทัลมาใช้ในโรงงาน 6 แห่งของ TMI ในเวียดนาม ภายใต้แบรนด์ Elite นั้น ทางนายเฉิน ได้เลือกพรินเตอร์ดิจิทัลสำหรับสิ่งทอของเอปสัน รุ่น SureColor SC-F9330 ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์แบบ
Dye-Sublimation ที่มาพร้อมหัวพิมพ์ PrecisionCore แบบคู่ โดยในพรินเตอร์ SureColor F-Series เป็นระบบหมึกแท็งค์แท้ มีคุณภาพการพิมพ์สูงด้วยความเร็วถึง 100 ตารางเมตรต่อชั่วโมง สามารถรองรับการพิมพ์จำนวนมาก อาทิ เสื้อผ้า สิ่งทอ และ Soft Signage หรืองานพิมพ์บนวัสดุที่เป็นผ้าด้วยระบบดิจิทัลจำนวนมาก รวมไปถึงสินค้าประเภทของชำร่วย
รวมถึงเครื่องรุ่นนี้มีความเร็วในการพิมพ์เพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 28% ซึ่งตรงกับความต้องการของ TMI เพราะสามารถผลิตเสื้อผ้าเพื่อพร้อมจัดส่งกว่า 3 ล้านชิ้นต่อฤดูกาลได้ในเวลาที่กำหนด ทั้งยังต้องตอบสนองความต้องการลูกค้าระดับไฮเอนด์และแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาชั้นนำ ที่จำเป็นต้องใช้เนื้อผ้าและการเคลือบชั้นผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย
นายเฉิน พูดถึงการเลือกเทคโนโลยีการพิมพ์ของเอปสันว่า เริ่มต้นมาจากความประทับใจแรกในแบรนด์เอปสัน ตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นนักเรียน เขามีโอกาสได้ใช้พรินเตอร์เอปสันที่บ้าน ซึ่งนายเฉินค้นพบว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะพรินเตอร์ที่เขาเลือกใช้สามารถช่วยทำให้เขาควบคุมการพิมพ์งานในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ รวมถึงเรื่องความกลมกลืนของสี จึงทำให้ได้ผลงานที่ได้มีคุณภาพสูง และทำให้เขามั่นใจว่าเขาสามารถมอบสิ่งที่แตกต่างให้กับลูกค้าได้
“ผมเห็นเอปสัน SureColor F-Series ในงานแสดงสินค้าที่ประเทศจีน และเกิดความประทับใจที่เครื่องสามารถพิมพ์งานที่มีความกลมกลืนของสีที่สมบูรณ์แบบ และได้คุณภาพงานที่ดีกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่เราใช้อยู่ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเลือกเอปสัน เพราะเชื่อว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด นอกจากนี้ เรายังได้รับการสนับสนุนและการดูแลที่ยอดเยี่ยมจากเอปสันหลังการติดตั้งอีกด้วย”
นับตั้งแต่เริ่มนำการพิมพ์ระบบดิจิทัลเข้ามาใช้นั้น ทาง TMI สามารถจัดการกับชนิดของผ้าและกระบวนการผลิตได้ดี จึงทำให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
นายเฉิน ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลนั้น ช่วยทำให้ TMI สามารถเพิ่มกำลังการผลิตโดยรวม ทั้งยังสามารถสร้างผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถรองรับออร์เดอร์ที่มีปริมาณน้อยได้ รวมถึงยังใช้เวลาอันสั้นในการป้อนสินค้าเข้าสู่ตลาดอีกด้วย
“การพิมพ์แบบดิจิทัลทำให้เราสามารถส่งของได้ในระยะเวลาอันสั้น และทำให้เสื้อผ้าเหล่านี้ไปอยู่ในร้านหรือ
ตู้เสื้อผ้าของลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว นั่นเท่ากับว่าเป็นการยกระดับประสิทธิภาพทางด้านการผลิต และช่วยให้เราไปถึงยังวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ในด้านการใช้นวัตกรรม เพื่อให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสิ่งทอที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสิ่งทอนี้”
“ในความเป็นจริงแล้ว ความก้าวหน้าของยุคดิจิทัล จะนำพาเราไปสู่เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งทำให้เราไม่ต้องสงสัยเลยว่าอนาคตของการพิมพ์ ก็คือ ดิจิทัล นั่นเอง” นายเฉินกล่าว
บทความที่น่าสนใจ
ติดตามเรา
0 Comments