เอปสัน กับกลยุทธ์เพื่อการเป็นองค์กรแห่งอนาคต

30 ธ.ค., 2019องค์กรธุรกิจ

คุณ Minoru Usui ประธานกลุ่มบริษัท Epson ได้กล่าวถึงความพยายามในการสร้างความยั่งยืนของบริษัท รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ และการร่วมมือกัน ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในอนาคต

ภาพรวมขององค์กรเราคือ บริษัทด้านเทคโนโลยี ที่ตระหนักถึงความสำคัญต่อการใส่ใจในสิ่งแวดล้อม และพร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม นี่คือสิ่งที่ เอปสัน ได้ปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ และหนึ่งในก้าวที่สำคัญคือ การเปิดตัววิสัยทัศน์ภายใต้ชื่อ Epson 25 Corporate Vision เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา

เป้าหมายภายใต้วิสัยทัศน์ขององค์กร คือการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า และพัฒนานวัตกรรมทั้งสี่ด้าน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท กลุ่มเทคโนโลยีการฉายภาพ กลุ่มอุปกรณ์แบบสวมใส่ และกลุ่มหุ่นยนต์

คุณ Minoru Usui ประธานกลุ่มบริษัท Epson ได้ทำการวิเคราะห์อนาคตในสามปีข้างหน้านี้ไว้ว่า ผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะให้ความสนใจต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและต้นทุนการพิมพ์เป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาเชื่อว่า บริษัทต้องมุ่งมั่นที่จะสื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทของเอปสัน

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องพยายามทำให้บริษัทต่างๆ หันมาใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการพิมพ์แบบเลเซอร์ที่สิ้นเปลืองพลังงาน” เขากล่าว

อีกหนึ่งเป้าหมายของเอปสัน คือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการตลาดแบบ B2B มากยิ่งขึ้น คุณ Usui ตระหนักว่าสิ่งที่สำคัญคือ การพัฒนาความสามารถในการขายที่มาพร้อมโซลูชั่น รวมถึงพัฒนาระบบและกระบวนการในการขายให้ดียิ่งขึ้น ผลที่ได้คือ บริษัทมีการเปลี่ยนแปลง และมีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น

 

การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เอปสัน ได้มุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีการเปลี่ยนจากเทคโนโลยีการพิมพ์แบบเลเซอร์มาเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ Micro Piezo ของเอปสัน สามารถช่วยประหยัดพลังงาน และไม่ต้องทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนจำนวนมากให้สิ้นเปลือง เนื่องจากมีโครงสร้างที่เรียบง่าย

นอกจากนั้น เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ และเครื่องพิมพ์แท็งค์แท้ EcoTank ของเอปสัน ยังสามารถลดการสร้างของเสียที่เกิดจากการใช้งานลงไปได้มาก และสำหรับเครื่อง PaperLab ที่มีใช้ในญี่ปุ่นแล้วตอนนี้ ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการรีไซเคิลกระดาษในสำนักงานได้ด้วยกระบวนการแบบแห้ง [1]. ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่และการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

“ผมอยากให้เรามุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนกระบวนการผลิต และโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด” คุณ Usui กล่าว “เทคโนโลยีการพิมพ์แบบเดิม ยังคงใช้กันอยู่หลากหลาย แต่เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงและช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้โดยการเปลี่ยนมาใช้การพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท เช่น ใช้อิงค์เจ็ทสำหรับการพิมพ์บนเนื้อผ้า เพียงแค่นี้ เราก็จะสามารถช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและหมึกพิมพ์ลงไปได้เป็นจำนวนมาก และยังช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งานในโรงงานลงไปได้อีกด้วย

“ผมเชื่อว่า การที่เราสามารถทำการผลิตตามที่ลูกค้าต้องการได้ จะทำให้เราผลิตสินค้าในจำนวนเท่าที่ต้องการได้จริง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการขนส่งผลิตภัณฑ์ลงแล้ว ยังช่วยให้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคได้ด้วย” เขากล่าวเพิ่มเติม

 

ความยั่งยืนคือกุญแจสำคัญ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในตอนนี้หลายๆ คนอาจไม่มั่นใจกับอนาคต และคุณ Usui ตระหนักถึงความสำคัญของการมองให้ไกลออกไปในอนาคตข้างหน้า และหลีกเลี่ยงที่จะสร้างผลเสียที่เกิดจากการกระทำในระยะสั้น

การเข้าใจแนวโน้มของโลกในระยะยาวเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อที่จะสามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคมได้ เขากล่าวว่าความยั่งยืนเป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrend) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่องค์กรสหประชาชาติกำหนดขึ้นมา ยิ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความคาดหวังของโลกที่มีต่อการดำเนินธุรกิจในรูปแบบความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญ

“เราต้องยืนหยัดต่อความรับผิดชอบของเรา ในการที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น และนำความสุขมาสู่ผู้คนด้วยวิธีการแบบยั่งยืน” คุณ Usui กล่าว “เรานำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อตอบรับความต้องการทางด้านความยั่งยืนของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น การที่เรารับเอาเทคโนโลยีดิจิทัลแบบใหม่จากภายนอกเข้ามาปรับใช้เข้ากับเทคโนโลยีของเราเอง จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของสังคมได้เร็วยิ่งขึ้น”

“มีหลายบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในแบบเดียวกันนี้ ดังนั้นผมรู้สึกว่าเราต้องสร้างพันธมิตรร่วมกับพวกเขามากยิ่งขึ้นเพื่อทำให้เกิดสังคมที่ดี เราจะสร้างและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเราอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านนวัตกรรมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันกับเรา สิ่งสำคัญในการร่วมมือกันคือ  การสร้างโซลูชั่นสำหรับเครื่องพิมพ์ และจำหน่ายหัวพิมพ์ให้กับพันธมิตร เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการจะเปลี่ยนการใช้งานจากระบบเลเซอร์มาเป็นระบบอิงค์เจ็ทที่ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เขากล่าวเพิ่มเติม

 

บทบาทของเทคโนโลยีอัจฉริยะ

หุ่นยนต์ (Robotics) เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ที่เอปสันกำลังค้นคว้าอยู่ และบริษัทหวังว่าจะสร้างหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถทำงานซ้ำๆ ได้ เพื่อช่วยให้พนักงานมีเวลาในการทำงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น คุณ Usui ยังกล่าวถึงแผนในการพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะโดยใช้เซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูง ที่สามารถทำให้ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI ทำงานได้ ด้วยการใช้ CPU ในการประมวลผลต่ำ

“ผมต้องการที่จะรวม AI เข้ากับหุ่นยนต์และเซ็นเซอร์ เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานที่มีความซับซ้อนแทนมนุษย์ และหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อีกด้วย” เขากล่าว “เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้เราพัฒนากระบวนการทำงาน แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน ลดการทำงานซ้ำๆ และช่วยให้พนักงานมีเวลาทำงานอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น”

คุณ Usui หวังว่า เอปสัน จะกลายเป็นบริษัท “ที่สามารถสร้างกระบวนการผลิตที่มนุษย์ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้อย่างกลมกลืน”

และถึงแม้ว่าจะเข้าสู่ยุคของหุ่นยนต์แล้วก็ตาม แต่ เอปสัน จะยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ “ผมต้องการให้ เอปสัน มุ่งเน้นไปที่การสร้างฮาร์ดแวร์ที่สามารถจับข้อมูล และใช้ข้อมูลนั้นกับ AI เพื่อช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” คุณ Usui กล่าว

 

สิ่งที่รออยู่ในอนาคต

ตราบใดที่อนาคตยังเป็นเรื่องที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ คุณ Usui เปิดเผยว่า ในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เอปสัน ก็จะยังคงมุ่งมั่นใส่ใจต่อปัญหาของสังคมและเป้าหมายของโลก และพร้อมจะเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น

“ผมต้องการให้ เอปสัน สร้างคุณค่าใหม่ที่มาจาก เอปสัน เท่านั้น โดยใช้โซลูชั่นผสานเข้ากับความแข็งแกร่งของเรา” เขากล่าวเพิ่มเติม “ผมต้องการให้โซลูชั่นเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และส่งผลให้ทุกคนมีความสุขกับชีวิตความเป็นอยู่มากยิ่งขึ้น พร้อมรู้สึกว่า เอปสัน คือบริษัทที่มีความสำคัญมากสำหรับพวกเขา ผมอยากให้ทุกคนมองเห็นว่า เอปสัน มีบทบาทที่สำคัญในการทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น”

คำกล่าวที่ว่า ‘ยิ่งสร้างสิ่งที่ดีขึ้นมากเท่าไหร่ โลกยิ่งมีความยั่งยืนมากขึ้นเท่านั้น’ เป็นคำที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ เอปสัน ได้ดีที่สุด จากการรวมองค์ประกอบที่สำคัญเข้าด้วยกันเพื่อไปให้ถึงวิสัยทัศน์ที่เราตั้งไว้

คุณ Usui ฝากข้อความถึงลูกค้าของเอปสันไว้ว่า “การทุ่มเทแรงใจทั้งหมดในการทำงานของ เอปสัน คือความมุ่งมั่นของเราที่จะทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น เราจะรักษาความเชื่อมั่นและความไว้ใจที่มีต่อเรา โดยการสร้างผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ”

 

[1] ใช้ปริมาณน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษาระดับความชื้นภายในระบบเอาไว้

 

 

ติดตามเรา

 

Share This